F-Score G-Score คืออะไร
F Score เป็นเครื่องมือการคัดกรองหุ้น โดย Mr.Joseph D. Piotroski
เครื่องมือนี้ช่วยให้นักลงทุน เพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาหุ้นลงทุน และช่วยกำจัดหุ้นที่มีจุดอ่อนทางการเงินทิ้งไป ภายหลังมีการ Test 9 เกณฑ์การจัดอันดับพื้นฐานที่เขาคิดค้นขึ้น ในช่วงระหว่าง ปี 1976 และ ปี 1996 ซึ่งผลออกมาน่าพอใจ สามารถสร้างผลตอบแทน เฉลี่ย 23% ต่อปี (เลือกหุ้นแบบ Value Investing)
โดยค่า Piotroski F-Score เป็นการคิดคะแนนหุ้นพื้นฐานดีจาก 9 หัวข้อ การคิดคะแนนถ้าหัวข้อไหนผ่านให้ 1 แต้ม ไม่ผ่านให้ 0 แล้วนำคะแนนมารวมกัน โดยบริษัทที่มีค่า Piotroski F-Score สูงๆแสดงพื้นฐานอยู่ในระดับดี ซึ่งค่าที่ใช้เป็นเกณฑ์ คือ 5 เกิน 5 ขึ้นไปถือว่าแข็งแกร่ง
G Score นำเสนอครั้งแรกในงานวิจัยของ Mohanram, P. ในปี 2005 จากงานวิจัยชื่อ “Separating Winners from Losers among Low Book-to-Market Stocks using Financial Statement Analysis ได้วัดคุณภาพของการเติบโต (เลือกหุ้นแบบ Growth Stock) โดยใช้ตัวแปร 7 หัวข้อ (นำแนวคิดจาก F-Score มาปรับใช้) (ถ้าหัวข้อใดผ่านจะได้ 1 แต้ม มี 7 หัวข้อ = 7 แต้ม)
ตารางสรุปดัชนีชี้วัด F-Score, G-Score
ดัชนีชี้วัดคุณภาพบริษัท | F-Score | G-Score |
1. ด้านการทำกำไร | | |
ROA (ROA>0) | / | / |
ROA Up (ROA เพิ่มขึ้น) | / | |
Cash Flow (CFO>0) | / | / |
ACCRUAL (CFO>กำไรสุทธิ) | / | / |
2. ด้านการอยู่รอด | | |
DE Down (อัตราหนี้สินต่อทุนลดลง) | / | |
Current Ratio เพิ่มขึ้น | / | |
EQ OFF (ไม่มีการเพิ่มทุน) | / | |
3. ด้านประสิทธิภาพการดำเนินงาน | | |
GPM Up (อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น) | / | |
AT Up (อัตราส่วนหมุนเวียนทรัพย์สินเพิ่มขึ้น) | / | |
ดัชนีชี้วัดการเติบโต | | |
ROA Industrial (ROA> Sector Median) | | / |
Sale Growth (Sale Growth> Sector Median) | | / |
CAPEX (CAPEX> Sector Median) | | / |
ADV (ADV> Sector Median) | | / |
ความหมายของค่าต่างๆใน F-Score
1. ROA (ROA > 0)
Return on Asset: อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์
หุ้นที่ ROA มากกว่า 0 แสดงว่า สินทรัพย์ของบริษัทสามารถสร้างกำไรได้
ความสามารถในการทำกำไรจากสินทรัพย์ของบริษัทที่ใช้ในการดำเนินงานว่าให้ผลตอบแทนมากน้อยเพียงใด หากมีค่าสูงแสดงว่ามีการใช้สินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ROA Up (ROA เพิ่มขึ้น)
คำนวณแบบเปรียบเทียบไตรมาสเดียวกันแต่คนละปี
บริษัทที่ ROA เพิ่มขึ้นแสดงว่า สินทรัพย์สามารถทำกำไรได้มากขึ้น เกิดจากการนำสินทรัพย์ไปหารายได้ ได้เพิ่มขึ้น และควบคุมรายจ่ายได้ดี
3. Cash Flow (CFO>0)
Operating Cash Flow กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน
หุ้นที่มี CFO หรือเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานเป็นบวก แสดงว่าบริษัทสามารถทำกำไรในรูปเงินสดได้ สภาพคล่องที่ดี มีเงินสดไปลงทุนและคืนหนี้ได้
4. ACCRUAL (CFO>กำไรสุทธิ)
บริษัทที่สามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานหลังหักดอกเบี้ยได้มากกว่ากำไรสุทธิของบริษัท แสดงว่าบริษัทมีสภาพคล่องที่ดี
5. DE (ลดลง)
DE อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน
คำนวณแบบเปรียบเทียบไตรมาสเดียวกันแต่คนละปี
บริษัทที่มีสัดส่วนของหนี้ที่มีดอกเบี้ยลดลง จะทำให้ความเสี่ยงทางการเงินลดลง
**กลุ่ม Bank&Finance จะไม่ถูกนำมาคำนวณ**
6. Current Ratio (Current Ratio เพิ่มขึ้น)
Current Ratio อัตราส่วนสภาพคล่อง
คำนวณแบบเปรียบเทียบไตรมาสเดียวกันแต่คนละปี
อัตราส่วนสภาพคล่อง คืออัตราส่วนระหว่างสินทรัพย์หมุนเวียนและหนี้สินหมุนเวียน ซึ่งบ่งบอกถึงสภาพคล่องของกิจการในการชำระหนี้ระยะสั้น ถ้าบริษัทมีอัตราส่วนสภาพคล่องสูงขึ้น แสดงว่ามีความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้นเพิ่มขึ้น
7. EQ OFF (ไม่มีการเพิ่มทุน)
คำนวณแบบเปรียบเทียบไตรมาสเดียวกันแต่คนละปี
การเพิ่มทุนจะทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น และกำไรต่อหุ้นลดลง เพราะฉะนั้นจึงให้คะแนนกับการไม่เพิ่มทุน
8. GPM (เพิ่มขึ้น)
Gross Profit Margin อัตรากำไรขั้นต้น
คำนวณแบบเปรียบเทียบไตรมาสเดียวกันแต่คนละปี
อัตรากำไรขั้นต้นแสดงถึงความสามารถในการดำเนินงานจากธุรกิจหลักของกิจการ โดยที่ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ หากยิ่งเพิ่มขึ้นแสดงว่ายิ่งดียิ่งดี
9. AT (เพิ่มขึ้น)
Total Asset Turnover อัตราส่วนหมุนเวียนทรัพย์สิน
คำนวณแบบเปรียบเทียบไตรมาสเดียวกันแต่คนละปี
บริษัทที่มีอัตราหมุนเวียนทรัพย์สินเพิ่มขึ้นแสดงว่ามีการจัดการภายในที่ดี สามารถนำสินทรัพย์ไปใช้ประโยชน์ในการสร้างรายได้ได้มาก
ความหมายของค่าต่างๆใน G-Score
1. ROA (ROA > 0)
Return on Asset: อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์
หุ้นที่ ROA มากกว่า 0 แสดงว่า สินทรัพย์ของบริษัทสามารถสร้างกำไรได้
ความสามารถในการทำกำไรจากสินทรัพย์ของบริษัทที่ใช้ในการดำเนินงานว่าให้ผลตอบแทนมากน้อยเพียงใด หากมีค่าสูงแสดงว่ามีการใช้สินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. Cash Flow (CFO>0)
Operating Cash Flow กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน
หุ้นที่มี CFO หรือเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานเป็นบวก แสดงว่าบริษัทสามารถทำกำไรในรูปเงินสดได้ สภาพคล่องที่ดี มีเงินสดไปลงทุนและคืนหนี้ได้
3. ACCRUAL (CFO>กำไรสุทธิ)
บริษัทที่สามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานหลังหักดอกเบี้ยได้มากกว่ากำไรสุทธิของบริษัท แสดงว่าบริษัทมีสภาพคล่องที่ดี
4. ROA Sector (ROA > Sector Median)
ค่า Median คือค่ากลางของชุดข้อมูล หุ้นที่อยู่เหนือค่ากลางได้แสดงว่าต้องมีอะไรที่พิเศษกว่าบริษัททั่วไป
5. Sale growth (Sale growth > Sector Median)
หุ้นที่ยอดขายโตมากกว่าค่ากลาง แสดงว่าเป็นหุ้นที่เติบโตชนะบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน
6. CAPEX (CAPEX > Sector Median)
Capital Expenditures Budget การประมาณค่าใช้จ่ายในการลงทุน หรือเอาที่เข้าใจง่ายๆก็คือ ค่าใช้จ่ายในการลงทุนซื้อสินทรัพย์มาเพื่อใช้ในการดำเนินงานของบริษัท
บริษัทจะเติบโตได้ต้องมีการลงทุน การวัดว่าหุ้นมีการลงทุนหรือไม่ ดูจากสัดส่วนการลงทุนเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ว่ามากกว่าค่ากลางหรือไม่ ถ้าใช่ แสดงว่ามีโอกาสเป็นหุ้นที่เติบโตชนะบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมได้เดียวกันได้
7. ADV (ADV > Sector Median)
บริษัทจะเติบโตได้ต้องใช้จ่ายในการ R&D และค่าใช้จ่ายในการขาย เพื่อให้บริษัทสามารถเติบโตได้ การวัดว่าหุ้นมีการใช้จ่ายในการ R&D และค่าใช้จ่ายในการขายหรือไม่ ดูจากสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ว่ามากกว่าค่ากลางหรือไม่ ถ้าใช่ แสดงว่ามีโอกาสเป็นหุ้นทีเติบโตชนะบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันได้ แต่สำหรับค่า R&D บริษัทในไทยยังมีงบประมาณส่วนนี้น้อย หรือไม่รวมในค่าใช้จ่ายไปเลยทำให้ไม่สามารถวัดการใช้จ่ายในส่วนนี้ได้โดยตรงจากในงบ
แหล่งอ้างอิง
Piotroski, J. “Value Investing: The Use of Historical Financial Statement Information to Separate Winners from Losers”, Journal of Accounting Research, Vol.38 Supplement 2000, pp. 1-41
Mohanram, P., “Separating Winners from Losers among Low Book-to-Market Stocks using Financial Statement Analysis”, Review of Accounting Studies, 2005, pp. 133-170.